วันอังคารที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2554

ต่อกันเลย กับ Present perfect Tense

Present Perfect Tense

             โครงสร้างประโยค  Subject + has/have + Verb3

    หลักการใช้ Present Perfect Tense

      ใช้กับเหตุการณ์ที่ เกิดขึ้นในอดีต และดำเนินต่อเนื่องมายังปัจจุบัน และมีแนวโน้นที่จะดำเนินต่อไปได้อีกในอนาคต เช่น   I have had a lot of toys.   
        ฉันมีของเล่นมากมาย (และอาจจะมีของเล่นเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต)
    ใช้กับเหตุการณ์ในอดีตที่ เกิดขึ้นและสิ้นสุดลงแล้ว แต่ยังส่งผลมายังปัจจุบัน เช่น  It has stopped raining.        ฝนหยุดตกแล้ว (แต่ถนนยังเปียกอยู่)
     ใช้พูดถึง เหตุการณ์หรือการกระทำที่เกิดขึ้นซ้ำๆกัน ในช่วงเวลาหนึ่งระหว่างอดีตและปัจจุบัน โดยมักใช้คำว่า Many/several times, a lot of times …times, again and again, over and over และอื่นๆเช่น                                       
   I’ve read this book more than 3 times. (ฉันอ่านหนังสือเล่มนี้มามากกว่าสามรอบแล้ว)

   ใช้กับเหตุการณ์ที่ เพิ่งสิ้นสุดลง โดยไม่ระบุเวลา ซึ่งมักใช้กับ Just, already และ yet                       
    Yet มักใช้ในประโยคปฏิเสธ ส่วน just และ already นั้น มักจะใช้กันในประโยคบอกเล่า โดยวางไว้อยู่หน้ากริยาหลัก เช่น
         I haven’t finished my homework yet. 
          (ฉันยังทำการบ้านของฉันไม่เสร็จเลย)
        I have just finished my home work. (ฉันเพิ่งทำการบ้านของฉันเสร็จ)
        I’ve already finished my homework. 
         (ฉันทำการบ้านของฉันเสร็จเรียบร้อยแล้ว)
       หากเราระบุเวลาลงไป ประโยคจะต้องใช้ Past Simple Tense เท่านั้น ไม่สามารถใช้ Present Perfect Tense ได้ เช่น I finished my homework at 7 o’clock. (ฉันทำการบ้านเสร็จแล้วตอนเจ็ดโมงเช้า)
      ใช้เพื่อบอกเล่าถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ ซึ่งมักใช้กับ just, recently, lately และอื่นๆ                 
            The meeting has just started. (การประชุมเพิ่งจะเริ่มขึ้น)
             Have you seen him lately? (คุณได้เจอเขาเมื่อเร็วๆนี้บ้างไหม)
    ใช้กับ since (ตั้งแต่) และ for (เป็นเวลา)
      I have been here since I was about 15 years old.
    ฉันอยู่ที่นี่มาตั้งแต่อายุ 15 (ปัจจุบันฉันก็ยังคงอยู่ที่นี่)
       I have had a fever for almost a week.
      ฉันเป็นไข้มาประมาณอาทิตย์หนึ่งได้แล้ว 
         (ปัจจุบันฉันก็ยังคงเป็นไข้อยู่เช่นเดิม)


วิธีการสร้างประโยค Present Perfect Tense


โครงสร้าง

Subject + has/have + Verb 3
ประโยคบอกเล่า
I / You / We / They
have
talked
to her.
He / She / It
has
slept
on the couch.

โครงสร้าง


Subject + has/have + not + Verb 3

ประโยคปฏิเสธ
I / You / We / They
have
not
talked
to her.
He / She / It
has
not
slept
on the couch.

โครงสร้าง


Has/Have + Subject + Verb 3?

ประโยคคำถาม
Have
I / you / we / they
talked
to her?
Has
he / she / it
slept
on the couch?

โครงสร้าง


Who/What/Where/When/Why/How + has/have + Verb 3?

ประโยคคำถาม
Wh-
Who
have
I / you / we / they
talked to?
Where
has
he / she / it
slept?












*คำปฏิเสธรูปย่อของ has/have not คือ hasn’t และ haven’t

   การใช้ ever และ neverในประโยค present perfect tense

 Ever = เคย ใช้ในประโยคคำถาม เพื่อถามถึงประสบการณ์ หรือสิ่งที่ได้เคยกระทำที่ผ่านมาในชีวิต เช่น                                        
 Have you ever been to Chiangmai? คุณเคยไปเชียงใหม่ไหม Yes, once. เคยไปหนึ่งครั้ง
Have you ever played golf? คุณเคยเล่นกอล์ฟไหม Yes, I often play golf. เคยครัย ผลเล่นกอล์ฟบ่อย ๆ
    ใช้ในประโยคบอกเล่าเพื่อเน้น แสดงความประหลาดใจ การเป็นที่สุดของสิ่งที่เคยพบเห็นในประสบการณ์ เช่น
   It's the prettiest song I've ever heard. 
     เป็นเพลงที่ไพเราะที่สุดที่ฉันเคยฟัง  
She is the most beautiful girl I've ever met. 
    เธอเป็นผู้หญิงที่สวยงามที่สุดเท่าที่ฉันเคยพบ
never = ไม่เคย ใช้ในประโยคบอกเล่า แต่ความหมายเป็นปฏิเสธในตัวเอง เช่น
My father has never travelled by air.  
   พ่อของฉันไม่เคยเดินทางทางอากาศ (เครื่องบิน)
I've never ridden a horse. ฉันไม่เคยขี่ม้า
Who is that woman? ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร
'I don't know. I've never seen her before.  
       ฉันไม่รู้จัก ฉันไม่เคยเห็นหล่อนมาก่อน 

                        การใช้ gone และ been

         เราใช้ gone ในกรณีที่ไปที่ใดที่หนึ่งแล้วยังไม่ได้กลับมา She's gone to the bank. หล่อนไปธนาคาร (ยังไม่กลับมา) 
           They've gone camping. พวกเขาไปเข้าค่าย (ยังไม่กลับมา)
 เราใช้ been ในกรณีที่ได้ไปและกลับมาแล้ว หรือหมายถึงเคย หรือมีประสบการณ์ได้ไปมาแล้ว  
   She's been to Bangkok for many times.
   หล่อน(เคย)ไปกรุงเทพมาแล้วหลายครั้ง
   I've never been to a concert. ฉันไม่เคยไปดูคอนเสิร์ต

                         การใช้ for, since และ ago

           for (เป็นเวลา...) และ since (ตั้งแต่...) 
  ใช้บอกระยะเวลา ใ นประโยค present perfect tense
  ใช้ for กับช่วงเวลา ระยะเวลา หรือจำนวน ปริมาณเวลา เช่น หนึ่งชั่วโมง สามวัน หกเดือนหลายสัปดาห์ มักมีคำแสดงจำนวน หรือปริมาณบอก เช่น a, an, one, two , many                              ใช้ since กับจุดเริ่มต้นของช่วงเวลา หรือระยะเวลา หรือ เป็นเหตุการณ์ เช่น ชื่อ วัน เดือน ปี เวลา เทศการ เหตุการณ์ เช่น วันจันทร์ เดือนมกราคม สามโมงครึ่ง ปี 2005 เป็นต้น

for + a period of time (ช่วงเวลา, ระยะเวลา) เป็นเวลา ...
since + the start of the period (จุดเริ่มต้นของเวลาที่เกิดเหตุการณ์) ตั้งแต่ ...
three days สามวัน
ten minutes สิบนาที
an hour หนึ่งชั่วโมง
two hours สองชั่วโมง
a week หนึ่งสัปดาห์
four weeks สี่สัปดาห์
a month หนึ่งเดือน
six months หกเดือน
five years ห้าปี
a long time เวลานาน
Monday วันจันทร์
1985 ปี 1985
9 o'clock 9 นาฬิกา
12.30 เที่ยงครึ่ง
24 July 24 กรกฎาคม
Christmas คริสต์มาส
January มกราคม
we arrived ฉันมาถึง
I was ten years old
ฉันอายุสิบขวบ
  ใช้ ago (...ที่ผ่านมา) กับระยะเวลาเช่นเดียวกับ for แต่ใช้ในประโยค past simple tense เช่น I had dinner an hour ago. ฉันทานอาหารเย็นเมื่อหนึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา Sam went out ten minutes ago. แซมออกไปข้างนอกเมื่อสิบนาทีก่อนหน้านี้
  • เปรียบเทียบ ago และ for
  When did Jill arrive in Thailand? จิลมาถึงเมืองไทยเมื่อไร She arrived in Thailand three days ago. เธอมาถึงเมืองไทยเมื่อสามวันที่ผ่านมา 
  How long has Jill been in Thailand? จิลมาอยู่ในเมืองไทยนานเท่าไรแล้ว She has been in Thailand for three days. เธออยู่ในเมืองไทยได้สามวันแล้ว
  ข้อสังเกต เหตุการณ์ที่แสดงเวลา เราใช้ when ใน simple past tense และใช้ since ใน present perfect tense เช่น
  I met Somchai when I was sixteen. 
   (ฉันพบกับสมชายตอนฉันอายุสิบหก)
  I have known Somchai since I was sixteen.
    (ฉันรู้จักกับสมชายตั้งแต่ฉนอายุสิบหก)


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น