วันพุธที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2554

ต่อมานะครับ... ขึ้น Past simple Tense กันครับ...


                                  Past Simple Tense

     ใช้แสดงถึงเหตุการณ์หรือการกระทำที่เกิดขึ้นในอดีตและได้สิ้นสุดลงแล้ว

      มีโครงสร้างประโยคดังนี้          Subject + verb ช่องที่ 2

    หลักการใช้ Past Simple Tense
   1. ใช้แสดงถึงการกระทำหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตและสิ้นสุดลงแล้ว โดยจะระบุเวลาไว้อย่างชัดเจน ตัวอย่างเช่น
           - Mark arrived at 7 o'clock yesterday.
            - Joe bought a new car last week.
            - The train stopped five minutes ago.
             - They studied French last term.

     2. ใช้แสดงถึงการกระทำที่เป็นนิสัยหรือเกิดขึ้นเป็นประจำในอดีต แต่ไม่ได้เกิดขึ้นแล้วในปัจจุบัน มักมี adverbs of frequency ที่แสดงความบ่อยรวมอยู่ในประโยคเช่น always, usually, often, every........เป็นต้น และต้องมีคำบอกเวลาในอดีตแสดงไว้ด้วย ตัวอย่างเช่น
- It often rained last week.
- He always played tennis last year.
- Jim drank coffee every two hours last night.
- They swam every evening last year.

  3. ใน Past Simple Tense สามารถใช้ used to +คำกริยาช่องที่ 1 (เคย) แสดงถึงการกระทำที่กระทำอยู่ หรือที่เป็นอยู่เป็นประจำในอดีต ตัวอย่างเช่น
- Sam used to travel to Japan on business.
- She used to work here.
- They used to live in Chiang Mai.

         หลักการเปลี่ยนคำกริยาให้เป็น Past Tense
  การเปลี่ยนรูปคำกริยาเป็น Past tense มี 2 วิธี คือ
1, การเติม ed ที่ท้ายคำกริยาช่องที่ 1 (Regular Verb)
2. คำกริยาที่เปลี่ยนรูปใหม่ ( Irregular Verb)

               หลักการเติมเติม ed ที่ท้ายคำกริยามีดังนี้
   1.คำกริยาโดยทั่วไปเมื่อเปลี่ยนเป็นคำกริยาช่องที่ 2 ให้เติม ed ได้เลย เช่น
      clean – cleaned         help – helped              watch - watched
  2. คำกริยาที่ลงท้ายด้วย e อยู่แล้ว ให้เติม d ได้ทันทีเช่น
      like – liked        bake – baked       live - lived
 3. คำกริยาที่เป็นพยางค์เดียว มีสระตัวเดียว ตัวสะกดตัวเดียว ให้เพิ่มตัวสะกดตัวท้ายอีกหนึ่งตัวก่อน แล้วจึงเติม ed เช่น
      stop – stopped          fit – fitted       plan - planned
 4. คำกริยาที่มี 2 พยางค์ ออกเสียงเน้นหนักพยางค์หลังให้เพิ่มตัวสะกดตัวท้ายอีกหนึ่งตัวก่อน แล้วจึงเติม ed
      prefer – preferred       control - controlled
 5. คำกริยาที่ลงท้ายด้วย yและหน้า y เป็นพยัญชนะ ให้เปลี่ยน y เป็น i แล้วจึงเติม ed เช่น
      study – studied            cry – cried          carry - carried
แต่ถ้าหน้า y เป็นสระให้เติม ed ได้เลย เช่น    play played       stay - stayed
                               การทำเป็นประโยคคำถาม
 1. ให้สังเกตว่าในประโยคมีกริยาช่วยหรือไม่ ถ้ามีให้นำกริยาช่วยมาวางไว้หน้าประโยคและใส่ เครื่องหมาย? (Question mark) ดังนี้
- He was in the bathroom five minutes ago.
 Was he in the bathroom five minutes ago?
  Yes, he was./No,he wasn't.
 2. ถ้าในประโยคนั้นไม่มีกริยาช่วย ให้ใช้ did มาช่วย (ประธานทุกตัวใช้ did) โดยนำ did มาวางไว้หน้าประโยค ตามด้วยประธานและกริยาต้องอยู่ในรูปเดิม (ช่องที่ 1) ท้ายประโยคใส่เครื่องหมาย?(question mark)
Cathy lived with her parents.
Did Cathy live with her parents?
Yes, she did. / No, she didn't.
                          การทำให้เป็นประโยคปฏิเสธ
 1. ถ้าในประโยคมีกริยาช่วยให้ใส่ not หลังกริยาช่วยนั้น เช่น
       I was tired.
       I was not tired หรือ I wasn't tired.
 2. ถ้าไม่มีกริยาช่วยให้ใช้ did มาช่วย (ประธานทุกตัวใช้ did) แล้วใส่ not หลัง did และกริยาช่องที 2 ต้องเปลี่ยนเป็นกริยาช่องที่ 1
      Ben danced yesterday.
     Ben did not(didn't) dance yesterday.
    Angela saw the dentist last week.
    Angela did not (didn't) see the dentist last week.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น